ผู้แทนการค้าจากสหราชอาณาจักรตั้งเป้าตลาดด้านเทคโนโลยีการเกษตรในเอเชีย
บริษัทด้านเทคโนโลยีการเกษตรจากสหราชอาณาจักรคาดหวังข้อตกลงทางการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทยจะต่อยอดธุรกิจ
ข้อตกลงการค้าดังกล่าวซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจาที่กรุงบรัสเซลส์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของธุรกิจไทย-อังกฤษ และเป็นการเปิดทางให้กับตลาดในเอเชีย ด้านอาหาร เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง
มร. เดวิด ฮีธ รัฐมนตรีช่วยกิจการเกษตรและอาหาร กระทรวงสิ่งแวดล้อม อาหารและกิจการท้องถิ่นแห่ง สหราชอาณาจักร นำตัวแทนจากกว่า 30 บริษัทจากสหราชอาณาจักรเข้าร่วมงาน วิฟเอเชีย งานแสดงเทคโนโลยีการเกษตรและปศุสัตว์ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ โดย มร. เดวิดกล่าวว่า
ข้อตกลงทางการค้าร่วมกันระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรปนั้นนับเป็นโอกาสอันดีที่ภาคธุรกิจจากสหราชอาณาจักร อาทิ บริษัทต่างๆ ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ จะได้แสดงเทคโนโลยี นวัตกรรมและองค์ความรู้ ให้แก่บริษัทต่างๆ ในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
ประเทศไทยและสหราชอาณาจักรนั้นต่างเป็นประเทศผู้ผลิตอาหาร ผมหวังว่าการแลกเปลี่ยนแนวคิดต่างๆ ในครั้งนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจการเกษตรของทั้งสองประเทศ ตลอดจนกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริษัทจากสหราชอาณาจักรนั้นมุ่งหวังว่าการจัดงานในครั้งนี้จะช่วยขยายการค้าและเปิดตลาดส่งออก อาทิ บริษัท เอซีเอ็มซี ผู้ดำเนินกิจการฟาร์มสุกรในประเทศไทยและกัมพูชา และบริษัทผู้ผลิตเครื่องมืออุปกรณ์สัตวแพทย์สัตวบาล เช่น บริษัท Meriden Animal Health ของอังกฤษ ที่จะลงนามในสัญญากับบริษัทไทย LIC Agrotech จำกัด ณ งานวิฟเอเชียนี้
มร. คริส แจ๊คสัน จากสมาคมสุกรอังกฤษ กล่าวว่า
ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รัฐมนตรีช่วยกิจการเกษตรและอาหารได้เดินทางมาร่วมงานวิฟเชียในครั้งนี้ ซึ่งสำหรับผมแล้วงาน วิฟเอเชีย มีบทบาทสำคัญมากที่สุดในแวดวงของธุรกิจอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ผมยินดีอย่างยิ่งที่ท่านรัฐมนตรีช่วยฯ สนับสนุนอุตสาหกรรมสุกรและการค้นคว้าต่างๆ ในด้านพันธุกรรม ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสนองต่อความต้องการเนื้อหมูทั่วโลก โดยในขณะเดียวกันก็ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้ สหราชอาณาจักรนับเป็นผู้นำด้านพันธุกรรมสุกรและได้แสดงให้ประจักษ์แล้วในงานครั้งนี้
ปัจจุบัน สหราชอาณาจักรนั้นส่งออกอาหารและเครื่องดื่มมายังประเทศไทย นับเป็นมูลค่า 80.6 ล้านปอนด์หรือประมาณ 3.6 พันล้านบาท รัฐบาลสหราชอาณาจักรนั้นพร้อมที่จะช่วยเหลือบริษัทอังกฤษที่ต้องการโอกาสในการส่งออกมาขึ้น และยังมีเว็บไซต์ “Open to Export” ที่คอยแนะนำนักธุรกิจชาวอังกฤษเกี่ยวกับการส่งออก โดยมีกลุ่มนักธุรกิจแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และคำแนะนำต่างๆ เพื่อที่จะให้ผู้ส่งออกหน้าใหม่มีช่องทางสู่ตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ